พ่อแม่จำนวนมากในไทยยังลังเลว่า “ลูกเราไม่เก่งคอมพิวเตอร์ จะเรียนโค้ดดิ้งได้จริงหรือ?” หรือ “ลูกยังเล็กเกินไปไหม?” ความจริงคือโค้ดดิ้งสำหรับเด็กไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะปัจจุบันมีการออกแบบหลักสูตรให้เรียนรู้ผ่านการเล่น เช่น Scratch, Minecraft Education หรือ Tinkercad ที่ใช้ภาพ บล็อกคำสั่ง และกิจกรรมสนุกๆ แทนการพิมพ์โค้ดยาวเป็นร้อยบรรทัด เด็กจึงเรียนได้แม้ไม่มีพื้นฐานเลย
4 คำถามที่ช่วยพ่อแม่ตัดสินใจ
- ลูกชอบเล่นเกมไหม? → ถ้าใช่ โค้ดดิ้งจะเปลี่ยนเขาจากผู้เล่นเป็นผู้สร้าง เช่น เด็กสามารถทำเกมของตัวเองได้ ไม่ใช่แค่เล่นเกมที่คนอื่นสร้าง
- ลูกชอบต่อเลโก้ วาดรูป หรือประดิษฐ์ของเล่นไหม? → โค้ดดิ้งคือการสร้างสรรค์ในโลกดิจิทัลที่ต่อยอดจากความชอบเหล่านี้ เช่น เด็กที่ชอบเลโก้ สามารถเรียนรู้การสร้างหุ่นยนต์ LEGO Robotics ได้
- ลูกใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์คล่องไหม? → ถ้าใช่ เด็กจะเรียนรู้โค้ดดิ้งได้เร็วมาก เพราะเครื่องมือส่วนใหญ่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เช่น แค่ลากบล็อกคำสั่งก็ทำงานได้แล้ว
- คุณอยากให้ลูกมีความมั่นใจมากขึ้นไหม? → โค้ดดิ้งคือเวทีปลอดภัยที่ให้เด็กลองผิดลองถูก เมื่อโค้ดไม่ทำงาน เด็กได้ฝึกหาสาเหตุและแก้ไข → สิ่งนี้ช่วยให้เขากล้าลองและมั่นใจขึ้น
งานวิจัยและตัวอย่างจริง
- งานวิจัยจาก MIT Media Lab พบว่า เด็กที่เรียนโค้ดดิ้งตั้งแต่เล็ก สามารถพัฒนาทักษะการคิดเชิงตรรกะได้เร็วกว่าปกติถึง 30%
- เด็กหญิง ป.3 ที่ CIY.Club เริ่มเรียน Scratch โดยไม่มีพื้นฐาน ภายใน 1 เดือนเธอสร้างเกม “แมวไล่จับลูกบอล” ได้เอง และกล้าขึ้นเวทีเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ทำให้ครูบอกว่าเธอมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมไม่ควรรอจนลูกโต
ยิ่งเด็กเริ่มเร็ว เขายิ่งมีเวลาในการทดลองและสร้างผลงานต่อเนื่อง พอร์ตโฟลิโอที่สะสมไว้ตั้งแต่ประถม สามารถใช้สมัครทุนการศึกษาหรือเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตได้ โค้ดดิ้งจึงไม่ใช่แค่กิจกรรมเล่นๆ แต่คือการลงทุนระยะยาวในอนาคตของลูก
ถ้าคุณยังลังเล วิธีที่ง่ายที่สุดคือพาลูกมา ทดลองเรียนฟรี ที่ CIY.Club คุณอาจได้เห็นศักยภาพที่ไม่เคยคิดว่าลูกมี